8 วิธีช่วยให้การทาสีผนังบ้านคุณสวยและง่าย ราวกับเป็นมืออาชีพ

Akharapon T. Akharapon T.
Apartamento Saldanha_Reabilitação Arquitectura + Design Interiores, Tiago Patricio Rodrigues, Arquitectura e Interiores Tiago Patricio Rodrigues, Arquitectura e Interiores Living room
Loading admin actions …

หลายคนอาจจมองว่าการจะทาสีห้องใหม่ให้บ้านตัวเองนั้นอาจเป็นเรื่องที่ทำได้ยากและแลดูวุ่นวาย ยิ่งคิดว่าคงไม่มีเวลาได้ทำด้วยตัวเองแล้ว ก็ยิ่งหมดกำลังใจไปเสียดื้อๆ แต่ความจริงแล้วนั้นเราอยากจะบอกว่าการทาสีห้องใหม่ให้บ้านคุณนั้นไม่ใช่เรื่องยากเกินความสามารถคุณเลย ลองคิดดูว่าจะดีและน่าภูมิใจแค่ไหนถ้าคุณได้ทำให้ห้องของคุณดูสวยน่าอยู่ขึ้นมาได้ด้วยตนเองแบบไม่ต้องไปจ้างช่างให้เสียค่าใช้จ่ายใดๆ! ชักจะอยากรู้แล้วใช่ไหมว่าจะทำได้อย่างไรบ้าง วันนี้เรามี 8 วิธีและข้อควรรู้สำหรับใครก็ตามที่อยากจะทาสีผนังบ้านด้วยตัวเองให้ออกมาสวยและทำได้ง่ายราวกับเป็นมืออาชีพ ซึ่งแต่ละข้อนั้นถ้าคุณอ่านจบแล้วจะรู้เลยว่าทาสีบ้านด้วยตนเองนั้นไม่ยากอย่างที่คิด ลองไปดูกันเลยว่าเราจะเป็นมืออาชีพกันได้ง่ายๆอย่างไร

1. จัดเตรียมอุปกรณ์ที่ต้องใช้ให้เพียบพร้อม

แน่นอนล่ะว่าก่อนที่คุณจะเริ่มลงมือทาสีด้วยตนเองนั้น คุณต้องแน่ใจว่าได้เตรียมอุปกรณ์ข้าวของเครื่องใช้ให้ครบถ้วนเรียบร้อยแล้ว โดยก่อนหน้าที่คุณจะเตรียมของสำหรับทาสีผนังนั้น คุณต้องทำการเคลื่อนย้ายเฟอร์นิเจอร์หรือของสำคัญออกให้พื้นที่สามารถทำงานได้อย่างสะดวก หากไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้ ก็อย่าลืมที่หาแผ่นพลาสติก ผ้า หรือกระดาษหนังสือพิมพ์เยอะๆมาปกคลุมส่วนที่คุณไม่ต้องการให้เลอะเทอะ

อุปกรณ์ที่คุณจำเป็นต้องใช้ในการทาสีผนังห้องด้วยตนเองนั้นมีดังนี้

- แปรงทาสีชนิดต่างๆ, ลูกกลิ้งทาสี, ถาดสี, พิมพ์หรือแปรงสร้างลวดลายตามที่ต้องการ เป็นต้น

- สีทารองพื้นหรือปกป้องพื้นผิวซีเมนต์, แชลค, สีเคลือบอื่นๆ

- สีทาผนังบ้าน (สีเคลือบ, สีน้ำมัน, สีรองพื้น, น้ำยาทำละลาย เป็นต้น)

นอกจากนี้ยังอาจต้องเตรียมบันไดและอุปกรณ์ป้องกันความสะอาดอื่นๆด้วยเช่นถุงมือ เสื้อคลุม หรือแม้แต่ผ้าปิดปากเพื่อป้องกันฝุ่นและสารเคมีที่ระเหยได้

2. เตรียมผนังส่วนที่ต้องการทาให้พร้อม

ก่อนจะเริ่มลงมือคุณอาจต้องประเมินสภาพของผนังที่คุณต้องการทาสีแก้ไขก่อนว่ามีสภาพเป็นอย่างไร ทั้งความเก่าของสี รอยสีเดิมที่เริ่มหลุดลอก ซึ่งหากพบเจอปัญหาดังกล่าวนี้คุณต้องทำการลอกสีเดิมหรือสีเคลือบเงาที่เป็นแผ่นขุยออกให้หมดก่อนด้วยแปรงขัดและกระดาษทราย เพื่อไม่ให้สีที่เราจะทาลงไปใหม่นั้นหลุดลอกไม่ติดผนัง หรือหากผนังมีการหลุดกะเทาะแตกหัก ก็ต้องทำการเติมส่วนที่กะเทาะแตกนั้นด้วยซีเมนต์ผสมเพื่อทำให้ผนังส่วนนั้นกลับมามีความราบเรียบอีกครั้ง

3. เลือกสีสันที่ชื่นชอบ

การเลือกใช้สีเป็นสิ่งสำคัญมากๆ เพราะหากจะทำการทาสีห้องใหม่แล้วก็ควรทำให้ดีและสวยถูกใจไปเลยในครั้งเดียวจะได้ไม่ต้องเสียเวลาเสียแรงเหนื่อยแก้งานอีกในภายหลัง วิธีการเลือกใช้สีอาจเริ่มต้นที่สีที่คุณชื่นชอบก่อนแล้วลองดูว่าเข้ากันกับพื้นที่และการใช้งานห้องนั้นหรือไม่ หรือแม้แต่การเลือกใช้สีเพื่อให้ห้องมีลักษณะที่ดีขึ้นเช่นห้องที่แคบก็ควรเลือกสีโทนสว่างหรือสีพาสเทลที่ดูสบายตาในการทำให้ห้องแลดูกว้างขวางโอ่โถงอย่างเช่นห้องโทนสีพาสเทลสบายนิ่มนวลตาห้องนี้ที่ช่วยให้บรรยากาศการพักผ่อนของห้องเป็นไปอย่างสบายและดูดีขึ้น หรือห้องไหนที่แลดูราบเรียบๆไม่มีจุดสนใจก็อาจใช้สีสดๆหรือโทนเข้มมาช่วยให้ห้องมีมิติมากขึ้นเป็นต้น 

หรือจะลอง คลิกที่นี่ เพื่อดูว่า Homify มีตัวอย่างการเลือกใช้สีกับการตกแต่งผนังบ้านอย่างไรบ้าง

4. จะเริ่มทาสียังไงดี?

เริ่มจากแปรงที่คุณจะใช้กันเลย ในการทาสีนั้นคุณสามารถเลือกใช้ได้ทั้งแปรงแบบขนหมูหรือแบบลูกกลิ้ง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับลักษณะผนังห้องนั้นๆว่ามีความขรุขระหรือราบเรียบอย่างไร หากขรุขระแนะนำให้ใช้แปรงแบบขนหมู แต่หากมีความราบเรียบก็สามารถใช้แบบลูกกลิ้งได้สบายๆ การจุ่มสีนั้นไม่ควรจุ่มลงไปทั้งแปรงแต่ควรจุ่มเพียงปลายถึงครึ่งหนึ่งของแปรงเพื่อไม่ให้สีเลอะเทอและเปลืองสีโดยไม่จำเป็น เริ่มทาจากด้านหนึ่งไปสู่ตรงกลางผนังและเริ่มจากอีกด้านมาบรรจบกันที่ตรงกลาง ทั้งนี้ต้องระมัดระวังส่วนที่เป็นขอบไม่ให้เลอะเทอะโดยเฉพาะอย่างยิ่งลูกกลิ้งทาสีที่มักจะชอบทำให้เพดานเลอะเวลาทาส่วนที่อยู่สูงๆ  หรือคุณอาจต้องใช้เทปกาวแปะบริเวณที่ไม่ต้องการให้เลอะแล้วค่อยลอกออกเช่นขอบประตูหรือหน้าต่าง เป็นต้น และอีกอย่างคือไม่ควรลงสีซ้ำหลายๆรอบ แต่ให้ลงซ้ำเฉพาะส่วนที่ยังได้สีไม่มากพอ

อย่าลืมตรวจเชคด้วยว่าสีที่คุณเลือกใช้ทานั้นจำเป็นต้องมีการผสมน้ำยาเพื่อทำละลายสีก่อนการทาหรือไม่ เป็นสีน้ำหรือสีน้ำมัน และอ่านคู่มือการใช้สีนั้นๆอย่างละเอียดก่อนทำการทาสีผนังบ้าน

5. เลือกใช้สีที่มีคุณสมบัติพิเศษหน่อยสำหรับบางพื้นที่

ห้องน้ำหรือห้องครัวที่มีการใช้งานหนักหน่วงทั้งความชื้น เขม่าควัน หรือไอระเหยของน้ำมัน เป็นพื้นที่สุ่มเสี่งที่ทำให้สีทาบ้านอาจเกิดปัญหาภายหลัง ดังนั้นในพื้นที่ดังกล่าวนี้ ผนังและเพดานจึงควรใช้สีที่มีคุณสมบัติพิเศษเช่นสามารถป้องกันการเกิดคราบ หรือป้องกันรอยด่างดำจากเชื้อราได้ ทั้งนี้อย่าลืมที่จะทารองพื้นก่อนที่ทาสีจริงบนพื้นผิวห้องนั้นๆด้วย

6. ต้องรู้ปริมาณสีที่จำเป็นต้องใช้

คุณจำเป็นต้องรู้ว่าผนังหรือห้องที่คุณกำลังจะทาสีใหม่นั้นจำเป็นต้องใช้ปริมาณสีเท่าไหร่ อาจฟังดูยากแต่จริงๆแล้วมีวิธีการคำนวณและกะประมาณสีที่ต้องใช้ได้แบบคร่าวๆ โดยสีถังหนึ่งนั้นสามารถใช้กับผนังได้ขนาดพื้นที่ราวๆ 10 ตารางเมตรได้สบายๆ หรือในบางกรณีอาจได้เพียง 6 ตารางเมตรขึ้นอยู่กับคุณภาพและยี่ห้อ รวมถึงลักษณะพื้นผิวของผนังนั้นๆด้วย ทั้งนี้หากไม่แน่ใจว่าต้องใช้ปริมาณสีมากเท่าไหร่ คุณควรสอบถามกับผู้ประกอบการร้านค้าหรือช่างทาสีเพื่อหาปริมาณที่เหมาะสมสำหรับใช้งานก่อนจัดการด้วยตนเองได้

7. เติมลวดลายให้เป็น

นอกจากผนังทาสีเรียบๆแล้ว เดี๋ยวนี้ยังมีแปรงสีสร้างลายหรือลูกกลิ้งติดพิมพ์ลายที่จะช่วยให้ผนังแลดูมีลวดลายหรือพื้นผิวที่น่าสนใจขึ้นมาได้ หากต้องการให้แลดูมีสีและพื้นผิวที่เข้มต่างกันอาจใช้แปรงฟองน้ำหรือแปรงสร้างลายใช้ทำให้ผนังแลดูมีพื้นผิวแตกต่างออกไป หรือจะใช้ลูกกลิ้งแบบพิมพ์ลายทาสีผนังส่วนนั้นให้ได้ลวดลายหรือมีกราฟฟิกตามที่ต้องการได้ เท่านี้ก็เปลี่ยนผนังเรียบๆให้ดูน่าสนใจขึ้นมาได้ไม่ยาก

8. หาไอเดียใหม่ๆในการทาสีผนังให้พื้นที่มีการใช้งานที่น่าสนุกมากขึ้น

ผนังทาสีดำดูเป็นไอเดียที่กำลังมาแรงในหลากหลายพื้นที่ที่ต้องการเพิ่มลูกเล่นให้เราสามารถขีดเขียนผนังเหล่านั้นได้ตามใจชอบ ทั้งยังมีผู้ผลิตสีหลายแบรนด์ที่คิดค้นผลิตภัณฑ์สีที่สามารถลบรอยเปื้อนรอยขีดเขียนได้อย่างหมดจด ทำให้ไม่ต้องกลัวว่าเขียนผนังไปแล้วจะลบไม่ออก งานนี้คงถูกใจบรรดาเด็กๆที่ชอบขีดเขียนวาดเรื่องราวลงบนผนังบ้านจะได้สนุกและเพลินกับจินตนาการได้อย่างเต็มที่ หรือแม้แต่ในห้องทำงานหรือครัวที่คุณอาจใช้ผนังเป็นเหมือนกะดานดำที่สามารถนำชอล์คมาขีดเขียนจดไอเดียลงไปบนผนัง ก็ดูจะเป็นการช่วยให้คุณทำอะไรๆได้อย่างมีประสิทธิภาพและสนุกมากขึ้นได้

Need help with your home project?
Get in touch!

Highlights from our magazine